Bitcoin 101: มูลค่าและราคาของ Bitcoin
บทความนี้จะพูดถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา Bitcoin โมเดลการประเมินมูลค่า และการใช้งานอย่างกว้างขวางของ Bitcoin นั้นถูกสะท้อนให้เห็นในราคาของเหรียญดังกล่าวอย่างไรบ้าง
Bitcoin เป็นคริปโทเคอร์เรนซีที่มีชื่อเสียงและได้รับการเทรดมากที่สุดอย่างเห็นได้ชัดมาตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เหล่าผู้ที่ไม่ไว้ใจในตัว Bitcoin และคาดหวังจะได้เห็นการล่มสลายของคริปโตกลับต้องตกตะลึงเมื่อเหรียญ Bitcoin อันโด่งดังมีมูลค่าสูงถึง 69,000 ดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว และนั่นก็เป็นอีกครั้งที่สังคมต่างตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับ “มูลค่าของ Bitcoin” ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับ Bitcoin และหวังว่าคุณจะได้รับคำตอบที่ตรงใจสำหรับคำถามดังกล่าว ไปเริ่มกันเลย!
อะไรคือตัวกำหนดราคาของ Bitcoin
อันดับแรกเราต้องเข้าใจก่อนว่า สิ่งที่เรากำลังพูดถึง ณ ที่นี้คือบทบาทของ Bitcoin ในฐานะสกุลเงิน (Currency) และเพื่อให้ได้รับสถานะว่าเป็นสกุลเงินที่แท้จริง Bitcoin จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้: ความขาดแคลน (Scarcity), การแบ่งหน่วยย่อย (Divisibility), การยอมรับ (Acceptability), การเคลื่อนย้าย (Portability), ความคงทน (Durability) และความเหมือนกัน (Uniformity) ซึ่งในฐานะสกุลเงินดิจิทัล ต้องบอกว่า Bitcoin สามารถผ่านข้อกำหนดด้านการเคลื่อนย้าย ความคงทน และความเหมือนกันได้อย่างง่ายดาย ส่วนคุณสมบัติด้านการแบ่งหน่วยย่อยก็มีให้เห็นเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากหน่วยที่เล็กที่สุดของ Bitcoin (1 Satoshi) นั้นเทียบเท่ากับ 1 ในล้านส่วนของ Bitcoin ดังนั้นมูลค่าของ Bitcoin จึงถูกกำหนดผ่านคุณสมบัติด้านความขาดแคลน (Scarcity) และการยอมรับ (Acceptability) นั่นเอง
ช่วง Bull Run ของ Bitcoin เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2013 ซึ่งเป็นเวลาเกือบ 5 ปีหลังจากการก่อตั้ง และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการยอมรับและนำมาใช้งานอย่างกว้างขวางของ Bitcoin ความต้องการระบบกระจายศูนย์ (Decentralisation) ที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทำให้ Bitcoin โดดเด่นขึ้นมาอย่างแท้จริง เพราะ Bitcoin ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของฝ่ายใดและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาล
การยอมรับที่มากขึ้นย่อมหมายถึงความต้องการที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน แต่อย่างที่เห็นได้ชัดว่าการขุด Bitcoin นั้นไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ดังนั้นอุปทานของเหรียญนี้จึงมีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งนำไปสู่บทสรุปที่ว่า ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลชนิดนี้ก็คือ คุณสมบัติด้านความขาดแคลน (Scarcity) นั่นเอง
อุปทานของ Bitcoin ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
วิสัยทัศน์ในระยะยาวของผู้สร้าง Bitcoin ส่งผลให้เกิดการจำกัดอุปทานไว้ที่ 21 ล้านเหรียญ ในปัจจุบัน เกือบ 92% ของอุปทาน Bitcoin ได้ถูกขุดไปเรียบร้อยแล้ว เป็นสัญญาณว่าจุดเปลี่ยนสำคัญในวิวัฒนาการของเหรียญนี้กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ Bitcoin ที่ถูกขุดแล้วทั้งหมด 19.374 ล้านเหรียญ มีอยู่ 4 ล้านเหรียญที่ไม่ได้หมุนเวียนอยู่ในระบบ อันเนื่องมาจากเหตุผลหลายประการ เช่น
-
เจ้าของ Wallet ทำ Private Key หาย (อย่างถาวร) หรือไม่ได้ส่งต่อข้อมูลดังกล่าวไว้ให้ครอบครัวและทายาทของตน
-
ผู้ถือ Bitcoin บางส่วนได้ทำการ Burn เหรียญโดยบังเอิญหรือเจตนาผ่านการโอนเหรียญไปยัง Address ที่ใช้งานไม่ได้
-
การถือครอง Bitcoin จำนวน 1.1 ล้านเหรียญของ Satoshi นั้นไม่มีการเคลื่อนไหวมานานกว่าทศวรรษ และดูเหมือนว่าแทบจะไม่มีโอกาสเลยที่เขาหรือเธอจะกลับมาใช้งาน Bitcoin จำนวนนั้นอีกครั้ง
นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้อุปทานหมุนเวียนของ Bitcoin ไม่มีวันถึงจุดสูงสุดได้ ซึ่งหนึ่งในเหตุผลนั้น คือ การไม่เคลื่อนไหวของผู้ถือครองรายใหญ่หรือวาฬ (Whale) ลองดูรายละเอียดจากกราฟด้านล่างกัน
แหล่งที่มา: กราฟที่สร้างขึ้นตามข้อมูลจาก Glassnode
แม้ว่าจะมีช่วงตลาด Bullish เกิดขึ้นหลายครั้งตั้งแต่ปี 2017 แต่เปอร์เซ็นต์ของ BTC ที่ไร้การเคลื่อนไหวก็ยังคงสูงกว่า 40% สิ่งนี้เองที่ทำให้คุณสมบัติด้านความขาดแคลน (Scarcity) ของ Bitcoin ในฐานะสกุลเงินเด่นชัดมากขึ้น พร้อมทำให้ราคาของ Bitcoin มีโมเมนตัมที่ดีด้วยเช่นกัน
กลุ่มสถาบันเข้ามาใช้งาน
กลุ่มสถาบันเริ่มนำเทคโนโลยีคริปโตเข้ามาใช้งานตั้งแต่ช่วงที่ Bitcoin ราคาสูงขึ้นในปี 2020 โดยเพิ่มคริปโตเข้าสู่พอร์ตการลงทุน หรือลงทุนใน Grayscale Bitcoin Trust (GBTC), Bitcoin ETFs และใช้งานสัญญา Bitcoin Futures ของ CME เป็นต้น ในแง่ของการยอมรับ (Acceptability) จะเห็นได้ว่า Wall Street ค่อยๆ รับรู้และยอมรับเทรนด์ดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะเดียวกัน ผู้เล่นรายใหญ่อื่นๆ ในวงการก็เลือกแนวทางที่แตกต่างออกไป เช่น สนับสนุน Bitcoin ในฐานะของวิธีการชำระเงินแบบใหม่สำหรับสินค้าและบริการของพวกเขา หนึ่งในสถาบันรายใหญ่เหล่านั้น ได้แก่ Microsoft (Xbox Live แอปและเกม), Wikipedia (การบริจาคและสบทบทุนด้านการเงิน), Paypal, Starbucks (ผ่านทาง BitPay), Twitch และ Rakuten นอกจากนี้ การชำระเงินด้วย BTC ยังเคยเป็นตัวเลือกสำหรับใช้กับผลิตภัณฑ์ Tesla อีกด้วย น่าเสียดายที่บริษัทได้ยกเลิกการใช้งานตัวเลือกดังกล่าวหลังจากนั้นไม่นาน อย่างไรก็ตาม การเผยแพร่ข้อมูลของสื่อที่มาพร้อมข่าวก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผลักให้ราคาของ Bitcoin พุ่งไปสู่ All-Time High ใหม่ได้ ส่วนธนาคารดั้งเดิมรายต่างๆ ก็จับตามอง Bitcoin อยู่เสมอ ซึ่งถือเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าของ Bitcoin ให้สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
การซื้อและขาย Bitcoin พร้อมให้ใช้บริการบน PayPal แหล่งที่มา: PayPal US
การประชาสัมพันธ์และการรับรู้ของผู้คน
แม้ว่าคุณอาจจะไม่เคยถือหรือซื้อ Bitcoin มาก่อน แต่มั่นใจได้ว่าคุณต้องเคยได้ยินชื่อนี้สักครั้งอย่างแน่นอน ในปี 2017 และ 2019 ความเชื่อมั่นในตลาด Bullish พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด เมื่อราคาของ Bitcoin ได้ทำสถิติ All-Time High ใหม่ในช่วงปีดังกล่าว ส่วนจำนวนการค้นหาคำว่า "Bitcoin" และ "BTC" ที่เพิ่มขึ้นก็เกิดขึ้นพร้อมกับการระบาดของโควิด-19 และการเข้ามาใช้งานของสถาบัน นอกจากนี้ คอนเทนต์และคำแนะนำเพิ่มเติมด้านการลงทุน Bitcoin และการโอน BTC ไปยังเครือข่ายต่างๆ ก็ยังมีส่วนช่วยให้บุคคลทั่วไปเข้าถึงโลกคริปโตได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่งผลให้ Bitcoin มีราคาสูงขึ้นได้อีกเช่นกัน
แหล่งที่มา: สร้างขึ้นโดยใช้ข้อมูลจาก Google Trend และ CoinGecko
ความสัมพันธ์กับสินทรัพย์อื่นๆ
เช่นเดียวกับเงินดอลลาร์สหรัฐ Bitcoin มีอิทธิพลอย่างมากต่อสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ แม้ว่าการครองตลาดของ Bitcoin จะลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเวลาผ่านไป แต่อย่างไรเหรียญนี้ก็ยังคงมีฉายาว่า “คริปโทเคอร์เรนซีที่มีชื่อเสียงที่สุด ซึ่งได้รับการยอมรับและถูกนำไปใช้งานทั่วโลกเป็นเหรียญแรก” ช่วงขาขึ้นของ Bitcoin ในหลายๆ ครั้งได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีในการสร้างคริปโทเคอร์เรนซีใหม่ๆ และกระตุ้นการเติบโตของโลกดิจิทัลในช่วงไม่กี่ปีให้หลัง
ในทางกลับกัน Bitcoin ก็ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับสินทรัพย์แบบดั้งเดิมมากยิ่งขึ้น เช่น ตราสารทุน, SP500, NASDAQ100, สินค้าโภคภัณฑ์ และแม้กระทั่งกับตราสารหนี้ ส่งผลให้สถาบันทางการเงินหลายแห่งเริ่มยอมรับ Bitcoin ในฐานะประเภทสินทรัพย์ที่เกิดขึ้นใหม่ และสามารถนำไปใช้เพื่อเหตุผลด้านการกระจายความเสี่ยงได้
ความสัมพันธ์ของ Bitcoin กับ SP500 ในช่วงเวลา 1 ปี แหล่งที่มา: CoinMetrics.io
ประวัติราคาของ Bitcoin
เมื่อเรามองย้อนกลับไปจะเห็นได้ว่าการเดินทางของ Bitcoin นั้นช่างน่าประทับใจจริงๆ Bitcoin นั้นเริ่มต้นจากการไม่มีค่าอะไรเลย เมื่อตอนที่ “Nakamoto Satoshi” ตีพิมพ์ Bitcoin Whitepaper และยังคงมีราคาเกือบเท่ากับ 0 ในตอนที่เปลี่ยนมือผู้ถือในอีก 5 ปีข้างหน้า คุณรู้หรือไม่ว่ามีการเฉลิมฉลอง “Bitcoin Pizza Day” ในวันที่ 22 พฤษภาคมของทุกๆ ปีด้วย ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่มีการใช้ Bitcoin ในการทำธุรกรรมเชิงพาณิชย์ โดยชายชาวฟลอริดาคนหนึ่งได้ตกลงที่จะจ่ายค่าพิซซ่า 2 ถาดด้วยเงินจำนวน 10,000 BTC ในปี 2010
Bitcoin ยังต้องใช้เวลาอีก 3 ปีในการไต่ระดับไปที่ราคา 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ และนำไปสู่การติดตั้ง Bitcoin ATM เครื่องแรกในแวนคูเวอร์ (Vancouver) แต่อย่างไรก็ตามช่วงขาขึ้นนั้นก็อยู่ได้ไม่นานเท่าไร ในช่วงเวลานั้น หลายคนได้คาดการณ์การล่มสลายของ Bitcoin เอาไว้และเรียกมันว่าเป็นสแกม (Scam) เพียงเพื่อจะต้องมาตกตะลึงกับช่วงขาขึ้นครั้งสำคัญในปี 2017 เมื่อราคา Bitcoin พุ่งสูงเกิน 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นผลตอบแทนมากถึง 20 เท่าในเวลาน้อยกว่า 12 เดือน และมูลค่าตามราคาตลาดของ Bitcoin ยังมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอีกต่างหาก เหตุการณ์นี้ทำให้ Bitcoin ดึงดูดความสนใจของสื่อกระแสหลักได้ในทันที ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนรายย่อยเข้ามาเทรดและถือ BTC มากขึ้น
ส่วนเหตุการณ์ต่างๆ ที่เหลือก็เป็นอย่างที่เรารู้กันดี
อาจใช้เป็นตัวเก็บรักษามูลค่าทางเลือกได้
คำถามสำคัญ คือ Bitcoin ทำงานในลักษณะเดียวกับ “ตัวเก็บรักษามูลค่า (Store of Value)” หรือไม่ ทองคำเป็นตัวเก็บรักษามูลค่าที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ และยังถือเป็นตัวเลือกที่มั่นคงสำหรับการจัดเก็บความมั่งคั่งท่ามกลางความไม่แน่นอน หลายคนโต้แย้งว่า Bitcoin แทบจะไม่สามารถทำหน้าที่เป็นที่ตัวเก็บรักษามูลค่ารูปแบบใหม่ได้เนื่องจากความผันผวนที่รุนแรง แต่สถานการณ์นี้ก็เกิดขึ้นในทองคำเช่นเดียวกันเมื่อช่วงทศวรรษที่ 1740 โดยในปี 1971 สหรัฐฯ ได้ตัดสินใจเลิกตรึงมูลค่าเงินดอลลาร์สหรัฐไว้กับทองคำ ดังนั้น “โลหะราคาแพง” ชนิดนี้จึงต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นตัวเก็บรักษามูลค่าที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น มีช่วงที่ทองคำมูลค่าลดลงถึง 24% ในปี 1975 หลังจากที่เคยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 73% ในปี 1974 และในปี 1982 ทองคำก็ต้องพบกับจุดต่ำสุดตลอดกาล โดยเกิดการสูญเสียมูลค่าไปเกือบ 2 ใน 3 ของมูลค่าเมื่อ 2 ปีก่อน
ราคาทองคำในทศวรรษที่ 1970 แหล่งที่มา: macrotrends.net
เราคาดหวังได้เช่นเดียวกันว่า Bitcoin กำลังเดินตามเส้นทางเดียวกับที่ทองคำเคยผ่านมา และใช่ เราเคยผ่านความผันผวนอย่างรุนแรงมาบ้างแล้ว แต่ข้อมูลบอกว่าความผันผวนนั้นกำลังลดลงเนื่องจากมูลค่าของ Bitcoin ค่อยๆ สูงขึ้นอย่างมั่นคง
แหล่งที่มา: buybitcoinworldwide.com
ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า Bitcoin ไม่สามารถเป็นตัวเก็บรักษามูลค่ารูปแบบใหม่ได้ สิ่งที่เรารู้คือ Bitcoin อยู่ในเส้นทางเริ่มต้นเดียวกันกับตัวเก็บรักษามูลค่าประเภทอื่นๆ ที่มีอยู่ทั้งหมด และเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตามราคาตลาดในปัจจุบันแล้ว ยังมีอะไรอีกมากมายให้สังเกตและเฝ้าดูจนกว่าราคา Bitcoin จะเข้าสู่สถานะคงที่ในที่สุด ปัจจัยอีกประการหนึ่งที่จะขับเคลื่อนการเดินทางครั้งนี้ คือ การกระตุ้นให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในสังคม และความต้องการระบบการชำระเงินแบบกระจายศูนย์ที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
เงินในโลกนี้อยู่ใน Bitcoin เป็นมูลค่าเท่าไร
งบดุลทั่วโลกปี 2022 รายงานความมั่งคั่งทั้งหมด 630 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่มูลค่าตามราคาตลาดของ Bitcoin อยู่ที่ 319.72 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2022 แสดงว่าที่จุดราคา 16,604.02 ดอลลาร์สหรัฐของ Bitcoin ในวันนี้ จะเทียบได้กับ 0.05% ของความมั่งคั่งทั่วโลก
โมเดลการประเมินมูลค่าของ Bitcoin
โมเดลที่เหมาะสมจะต้องสามารถแสดงความเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin ในอนาคตด้วยโมเดลการประเมินมูลค่าได้ ด้านล่างนี้ คือ โมเดลการประเมินมูลค่าที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลายทั้ง 2 รูปแบบ
Stock-to-Flow
โมเดลนี้ถือว่า Bitcoin คล้ายกับ “โลหะมีมูลค่า” ที่ในอดีตทำหน้าที่เป็นตัวเก็บรักษามูลค่าแบบต่างๆ (ทองคำ เงิน และแพลทินัม) เนื่องจากเหตุผลต่อไปนี้
-
อุปทานของสินทรัพย์ไม่สามารถเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหรืออย่างไม่เป็นธรรมชาติได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีจำนวนค่อนข้างขาดแคลน
-
การได้มาซึ่งสินทรัพย์เหล่านี้ต้องใช้เวลา
-
สินทรัพย์เหล่านี้จะยังคงรักษามูลค่าเมื่อเวลาผ่านไป
หากพิจารณาว่า Bitcoin คือตัวเก็บรักษามูลค่ารูปแบบหนึ่ง เราจะสามารถคำนวณอัตราส่วนระหว่างอุปทานหมุนเวียนและการไหลเข้าของเหรียญที่เพิ่งขุดใหม่ในทุกๆ ปีได้ ยิ่งอัตราส่วนสูงเท่าใด ความยืดหยุ่นของราคาของอุปทานก็จะยิ่งต่ำลงเท่านั้น และเป็นผลให้มูลค่าของสินทรัพย์นั้นมีค่ามากขึ้น
โมเดลนี้เปิดตัวโดย “PlanB” ในปี 2019 ซึ่งจนถึงปัจจุบันโมเดลนี้ก็ยังค่อนข้างสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของราคา Bitcoin อยู่
แหล่งที่มา: lookintobitcoin.com
มูลค่ายุติธรรม (Fair value)
แทนที่จะพยายามคาดการณ์ราคา Bitcoin ในอนาคต โมเดลโดย Claude Erb (อดีตผู้จัดการกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ TCW Group) มุ่งเน้นไปที่การหามูลค่าที่แท้จริงของ Bitcoin จากผลกระทบของเครือข่าย เช่น การเติบโตเกินสัดส่วนของมูลค่าเครือข่ายที่สัมพันธ์กับจำนวนผู้ใช้ที่เชื่อมต่อ
แหล่งที่มา: Claude Erb
แม้ว่าการประเมินมูลค่า Bitcoin ของ Erb และราคาตลาดจะยังคงมีความแตกต่างอยู่ แต่สิ่งที่ควรกล่าวถึงในที่นี้คือมูลค่ายุติธรรม (Fair Value) ของ Bitcoin ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2010 และถึงเราจะเน้นย้ำไปที่จุดสังเกตด้านความผันผวนของมูลค่านี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าสินทรัพย์ที่สามารถเทรดได้ทั่วไปในรูปแบบอื่น ๆ ก็ประสบกับผลต่างของมูลค่ายุติธรรมเช่นกัน
กล่าวโดยรวมแล้ว ถือว่าเป็นที่ทราบกันดีว่า มูลค่าของ Bitcoin ถูกกำหนดโดยกลไกตลาดพื้นฐานของอุปสงค์และอุปทาน เช่นเดียวกับสินทรัพย์อื่นๆ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในกระแสขาขึ้นของระบบกระจายศูนย์ (Decentralisation) ซึ่ง Bitcoin เป็นผู้นำและผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติ (Stress Test) มาเรียบร้อย เพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณลักษณะของการเป็นตัวเก็บรักษามูลค่าที่แท้จริง
ปรับใช้โมเดลการประเมินมูลค่ากับการเทรด Bitcoin Futures
ข้อมูลทางทฤษฎีต่างๆ มากมายได้จบลงไปแล้ว และตอนนี้เราก็ขอแนะนำให้คุณเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโลกที่น่าสนใจของบล็อกเชน พร้อมสัมผัสประสบการณ์จริงในการเทรด Bitcoin โดยที่ไม่ต้องเป็นเจ้าของ Bitcoin จริงๆ Bitget ให้บริการผลิตภัณฑ์การลงทุน Bitcoin ที่หลากหลาย เช่น Bitget Coin-M Futures, Bitget USDT-M Futures, Bitget USDC-M Futures และ Bitget Copy Trade ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้ผู้ใช้ของเราได้เข้าถึง Bitcoin ทางอ้อมได้อย่างง่ายดาย
ในฐานะที่เป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนอนุพันธ์คริปโตชั้นนำ เรามุ่งเน้นไปที่การพัฒนาปรัชญาการออกแบบผลิตภัณฑ์ของเราให้ดีที่สุด และที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าอยู่เสมอ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือนักลงทุนมากประสบการณ์ เราก็มีตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณเสมอที่ Bitget
- วิธีถอนโทเค็น CATS จาก Telegram แล้วฝากเข้า Bitget2024-10-01 | 5m
- ฝาก CATI เข้า Bitget ไร้ค่า Gas2024-09-14 | 5m
- Orderly Network (ORDER): พรมแดนใหม่แห่งการเทรดแบบกระจายศูนย์2024-08-27 | 5m