ที่เกี่ยวข้องกับเหรียญ
เครื่องคำนวณราคา
ประวัติราคา
การคาดการณ์ราคา
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
คู่มือการซื้อเหรียญ
หมวดหมู่คริปโต
เครื่องคำนวณกำไร
ที่เกี่ยวข้องกับการเทรด
ซื้อ/ขาย
การฝาก/การถอน
Spot
Margin
USDT-M Futures
Coin-M Futures
บอทเทรด
Copy Trading
Earn
Pre-Market
ราคา BitcoinBTC
เครื่องคำนวณราคา Bitcoin
เครื่องคำนวณคริปโทเคอร์เรนซีเพิ่มเติม >สรุปข้อมูลราคา Bitcoin แบบเรียลไทม์
ราคาสูงสุดของ BTC คือเท่าไร
ราคาสูงสุดของ BTC คือเท่าไร
ทำไมราคา BTC ผันผวนอยู่ตลอด ปัจจัยใดบ้างส่งผลต่อผลการดำเนินงานของราคา BTC
การคาดการณ์ราคา Bitcoin
ช่วงไหนเป็นจังหวะที่ดีในการซื้อ BTC ตอนนี้ควรซื้อหรือขาย BTC
ราคา BTC จะเป็นเท่าใดในปี 2025
ราคา BTC จะเป็นเท่าใดในปี 2030
เรตติ้ง Bitcoin
เกี่ยวกับ Bitcoin (BTC)
เกี่ยวกับ Bitcoin
Bitcoin (ตัวย่อ: BTC; สัญลักษณ์: ₿) เป็นคริปโทเคอร์เรนซีตัวแรกและมีการเทรดกันมากที่สุดในโลก Bitcoin มีการจัดเก็บและเทรดกันอย่างปลอดภัยบนออนไลน์ ช่วยให้การทำธุรกรรมเป็นไปอย่างโปร่งใสและกระจายศูนย์ สามารถแบ่งออกได้เป็นหน่วยย่อยที่เรียกว่า Satoshi โดยแต่ละ Satoshi เท่ากับ 0.00000001 Bitcoin ซึ่งอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมการเงินขนาดย่อมในเศรษฐกิจคริปโตที่กำลังพัฒนา
แม้จะมีชื่อว่า Bitcoin แต่ก็ไม่ใช่เหรียญที่จับต้องได้จริง เพราะอยู่ในรูปของข้อมูลดิจิทัลบนบล็อกเชนเท่านั้น ซึ่งเป็นบัญชีแยกประเภท (Ledger) แบบกระจายศูนย์ที่บันทึกธุรกรรมทั้งหมดที่ทำด้วย Bitcoin ลักษณะทางดิจิทัลนี้ช่วยให้สามารถโอนมูลค่าได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็นต้องใช้ตัวกลางต่างๆ เช่น ธนาคาร ผู้ใช้จัดเก็บ Bitcoin ของตนไว้ใน Wallet ดิจิทัล ซึ่งอาจเป็นแบบซอฟต์แวร์หรือแบบฮาร์ดแวร์ก็ได้เพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น
Bitcoin (BTC) คืออะไร
Bitcoin (BTC) เป็นคริปโทเคอร์เรนซีแบบกระจายศูนย์ที่มีการนำเสนอครั้งแรกในปี 2008 โดยผู้ที่ใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto ใน Whitepaper “Bitcoin: A Peer-to-Peer Electronic Cash System ” Bitcoin เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2009 โดยช่วยให้ทำธุรกรรมแบบ Peer-to-Peer ได้ ผู้ใช้สามารถส่งและรับการชำระเงินได้โดยตรงโดยไม่ต้องมีตัวกลางใดๆ จึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและความเป็นส่วนตัวในการแลกเปลี่ยนทางการเงิน
เทคโนโลยีหลักที่อยู่เบื้องหลัง Bitcoin คือบล็อกเชน ซึ่งเป็นบัญชีแยกประเภท (Ledger) แบบกระจายศูนย์ที่บันทึกธุรกรรมทั้งหมดไว้อย่างโปร่งใสและปลอดภัย ระบบนี้ทำให้มั่นใจได้ถึงความถูกต้องสมบูรณ์ในกระบวนการธุรกรรมของ Bitcoin สำหรับอุปทานทั้งหมดของ Bitcoin นั้นจำกัดคงที่ไว้ที่ 21 ล้าน ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยป้องกันภาวะเงินเฟ้อ แต่ละ Bitcoin สามารถแบ่งออกเป็นหน่วยย่อยได้ โดยหน่วยที่เล็กที่สุดคือ “Satoshi” หรือ “Sat” (0.00000001 BTC) ช่วยให้สามารถทำธุรกรรมการเงินขนาดย่อมได้และยกระดับขีดความสามารถในการใช้งาน
ประวัติความเป็นมาของ Bitcoin
Bitcoin เปิดตัวในเดือนมกราคม 2009 โดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto สกุลเงินดิจิทัลนี้ ซึ่งระบุไว้ใน Whitepaper ที่ชื่อ “Bitcoin: A Peer-to-Peer Electronic Cash System” นำเสนอระบบแบบกระจายศูนย์สำหรับการทำธุรกรรมแบบ Peer-to-Peer ซึ่งเป็นแนวคิดที่ต่อยอดมาจากทฤษฎีการเข้ารหัสและวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ บล็อกแรกของเครือข่าย Bitcoin หรือที่เรียกว่าบล็อกต้นกำเนิด (Genesis Block) ขุดขึ้นโดย Nakamoto นับเป็นจุดเริ่มต้นของสกุลเงินรูปแบบใหม่ที่มีความแตกต่างตรงที่ไม่มีการพึ่งพาสถาบันการเงินตัวกลาง
เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของ Bitcoin ครั้งหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2010 ซึ่งเป็นวันที่ในปัจจุบันเฉลิมฉลองกันในชื่อ “Bitcoin Pizza Day ” ในวันดังกล่าว โปรแกรมเมอร์นาม Laszlo Hanyecz ได้ทำธุรกรรมเชิงพาณิชย์ที่เป็นที่รู้จักกันว่าใช้ Bitcoin เป็นครั้งแรก โดยซื้อพิซซ่า 2 ถาดในราคา 10,000 Bitcoin ในฟลอริดา เหตุการณ์นี้เน้นย้ำถึงอรรถประโยชน์ในโลกความเป็นจริงของสกุลเงินนี้ ซึ่งเป็นแบบอย่างสำหรับมูลค่าของสกุลเงินในอนาคต
นับตั้งแต่กำเนิดขึ้นมา Bitcoin ได้ผ่านทั้งการเ ติบโตอย่างมหาศาลและมูลค่าที่ผันผวน โดยแตะระดับราคาสูงสุดถึงกว่า $73,000 ในเดือนมีนาคม 2024 คริปโทเคอร์เรนซีนี้ดึงดูดชุมชนนักพัฒนาจำนวนมาก ซึ่งมีส่วนช่วยในวิวัฒนาการผ่านการพัฒนาซอฟต์แวร์ การยกระดับความปลอดภัย และฟีเจอร์ใหม่ๆ การไม่เปิดเผยตัวตนของผู้สร้างนาม Satoshi Nakamoto นั้นได้เน้นย้ำถึงแง่มุมของการกระจายศูนย์นี้ยิ่งขึ้น
Bitcoin ทำงานอย่างไร
Bitcoin เป็นระบบการเงินดิจิทัลที่มีความโดดเด่นในด้านโครงสร้างการกระจายศูนย์ ความปลอดภัยในการเข้ารหัส และการพึ่งพาหลักการทางคณิตศาสตร์ แตกต่างจากระบบธนาคารแบบดั้งเดิมที่มีการควบคุมจากส่วนกลางตรงที่ Bitcoin นั้นดำเนินงานบนเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ เครือข่ายนี้ประกอบด้วย Node ต่างๆ ที่เป็นคอมพิวเตอร์ซึ่งดำเนินการซอฟต์แวร์ Bitcoin โดยที่ Node จะทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องและบันทึกธุรกรรมทั้งหมดลงในบัญชีแยกประเภท (Ledger) สาธารณะที่เรียกว่า “บล็อกเชน” อีกทั้ง Node ยังดูแลรักษาสำเนาของทั้งบล็อกเชน จึงทำให้มั่นใจได้ถึงความถูกต้องสมบูรณ์และความปลอดภัยของเครือข่าย ทำการสื่อสารระหว่างกันเพื่อเผยแพร่ข้อมูลธุรกรรมและป้องกันไม่ให้เกิดจุดความล้มเหลวเพียงจุดเดียว (Single Point of Failure)
บทบาทของบล็อกเชนในธุรกรรม Bitcoin
โดยพื้นฐานแล้ว บล็อกเชนคือบล็อกต่างๆ ที่เรียงร้อยกันเป็นห่วงโซ่ (Chain) ดิจิทัลที่เติบโตขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป แต่ละบล็อกใน Chain ที่ว่านี้บรรจุรายละเอียดต่างๆ ของธุรกรรมและเชื่อมโยงกับบล็อกก่อนหน้าผ่านรหัสที่ได้จากการเข้ารหัสในรูปแบบเฉพาะ โครงสร้างเช่นนี้ทำให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยในข้อมูลและทำให้ยากต่อการแก้ไขธุรกรรมในอดีต
เมื่อผู้ใช้รายหนึ่งส่ง Bitcoin ไปยังอีกรายหนึ่ง บล็อกเชนจะบันทึกธุรกรรมนี้ ประวัติที่บันทึกนี้จะแสดงผู้ส่ง ผู้รับ และจำนวน Bitcoin ที่โอน แทนที่จะพึ่งพาหน่วยงานตัวกลางในการจัดการธุรกรรมเหล่านี้ บล็อกเชนจะตอบแทนบุคคลที่ช่วยเหลือในการตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมด้วยการให้ Bitcoin เป็นรางวัล
ตัวอย่างการใช้งานจริง: Alice ส่ง Bitcoin ให้ Bob อย่างไร
เช่น สมมติว่า Alice ต้องการส่ง 1 BTC ไปให้ Bob เพื่อนของเธอ ก็จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขหลายประการเพื่อให้ดำเนินการธุรกรรมให้เสร็จสิ้นได้ ดังนี้:
● การตรวจสอบความถูกต้องของความสามารถในการชำระหนี้ของ Alice เพื่อทำให้แน่ใจว่าเธอถือครอง Bitcoin ในจำนวนที่เพียงพอ
● การลงบันทึกรายละเอียดธุรกรรมบนบล็อกเชน ซึ่งผู้เข้าร่วมทุกคนในเครือข่าย Bitcoin สามารถเข้าถึงได้
นักขุดที่กระจายตัวอยู่ทั่วทุกมุมโลก ซึ่งพร้อมด้วยเครื่องมือที่ให้กำลังการประมวลผลในระดับที่แตกต่างกันไปนั้น ต้องเข้ามาแข่งขันกันแก้โจทย์คณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนซึ่งเกี่ยวข้องกับธุรกรรมของ Alice นักขุดคนแรกที่แก้ได้สำเร็จจะได้รับเอกสิทธิ์ในการเพิ่มธุรกรรมลงบนบล็อกเชน โดยนักขุดจะได้รับ Bitcoin ที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่เป็นรางวัล
ทำไมราคา Bitcoin ถึงมีความผันผวน
ความผันผวนของราคา Bitcoin อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย:
● อุปทานจำกัด: Bitcoin มีอุปทานจำกัดสูงสุดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ ความขาดแคลน (Scarcity) เช่นนี้หมายความว่าอุปสงค์ที่ผันผวนอาจทำให้ราคาเหวี่ยงตัวได้อย่างมาก เมื่อมีผู้คนมากขึ้นเข้ามาซื้อ Bitcoin ก็จะทำให้จำนวนเหรียญที่มีอยู่อย่างจำกัดนั้นผลักดันราคาให้สูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ในทางกลับกัน เมื่อความต้องการลดลง ราคาก็อาจร่วงลงอย่างรวดเร็วได้เช่นกัน
● อิทธิพลของนักลงทุนรายใหญ่: นักลงทุนรายใหญ่ หรือที่เรียกว่า “วาฬ” ถือครอง Bitcoin ในจำนวนมหาศาล การเทรดขนาดใหญ่ของกลุ่มนี้ทำให้มูลค่าตลาดของ Bitcoin เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างมาก เช่น หากวาฬขายส่วนที่ตนถือครองในปริมาณที่มีนัยสำคัญออกไป ก็อาจทำให้อุปทานล้นตลาดและผลักดันราคาให้ร่วงลงอย่างรวดเร็วได้
● มูลค่าตามราคาตลาด: มูลค่าตามราคาตลาดทั้งหมดของ Bitcoin ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับสินทรัพย์แบบดั้งเดิม เช่น ทองคำ ขนาดตลาดที่เล็กกว่านี้หมายความว่าแม้ใช้ธุรกรรมน้อยกว่า ก็ทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดได้ แม้แต่การเทรดเพียงเล็กน้อยก็อาจมีผลกระทบต่อราคาของ Bitcoin ในขนาดที่มากเกินได้
● การรายงานของสื่อและข่าวด้านการกำกับดูแล: รายงานของสื่อมีอิทธิพลอย่างมากต่อความผันผวนของ Bitcoin การรายงานข่าวเชิงบวกสามารถเพิ่มความสนใจของนักลงทุนและผลักดันราคาให้สูงขึ้นได้ ในขณะที่ข่าวเชิงลบหรือการปราบปรามด้านการกำกับดูแลก็อาจนำไปสู่การเทขายจากความกลัวได้ เช่น การประกาศข้อบังคับของรัฐบาลเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีอาจทำให้ราคา Bitcoin ปรับตัวลงทันทีได้
● ธรรมชาติการเก็งกำไร: Bitcoin มักถูกมองว่าเป็นการลงทุนเพื่อการเก็งกำไร นักลงทุนถูกดึงดูดโดยศักยภาพในการได้รับผลตอบแทนสูง นำไปสู่กิจกรรมการเทรดที่สูงขึ้นและการแกว่งตัวของราคา ซึ่งแตกต่างไปจากสินทรัพย์แบบดั้งเดิม เนื่องจากมูลค่าของ Bitcoin นั้นไม่ได้เชื่อมโยงกับกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้ แต่จะขึ้นอยู่กับความคาดหวังในอนาคตและบทบาทที่เป็นไปได้ในเศรษฐกิจโลกมากกว่า ลักษณะการเก็งกำไรเช่นนี้จึงก่อให้เกิดความไม่แน่นอนของราคา
● ตลาดที่กำลังมีวิวัฒนาการ: ตลาดคริปโทเคอร์เรนซียังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และ Bitcoin ซึ่งเป็นหนึ่งในคริปโทเคอร์เรนซีสกุลแรกและเป็นที่รู้จักกันมากที่สุด ก็กำลังอยู่ในช่วงของการค้นพบราคา (Price Discovery) โดยที่มูลค่านั้นยังคงถูกกำหนดโดยตลาดอยู่ ซึ่งนำไปสู่การเคลื่อนไหวของราคาแบบไม่อาจคาดเดาได้ที่ถี่และบ่อยครั้ง เมื่อตลาดเติบโตเต็มที่และมีผู้เข้าร่วมมากขึ้น การแกว่งตัวของราคาเหล่านี้อาจมีความเสถียรขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไป
อะไรทำให้ Bitcoin มีมูลค่า
Bitcoin เป็นมากกว่าแค่สกุลเงินดิจิทัล เพราะตรงตามเกณฑ์พื้นฐาน 4 ประการที่ใช้กำหนดนิยามของ “เงิน” ดังนี้:
● ความขาดแคลน: ความหายากของ Bitcoin ถูกฝังมากับอัลกอริทึมด้วยการมีอุปทานที่กำหนดตายตัวไว้ที่ 21 ล้านเหรียญ การมีให้ใช้ได้อย่างจำกัดนี้ทำให้เป็นทรัพยากรที่มีความขาดแคลน ซึ่งคล้ายกับโลหะมีค่าอย่างทองคำ
● สื่อกลางในการแลกเปลี่ยน: เนื่องจาก Bitcoin ได้รับการยอมรับจากร้านค้าและแพลตฟอร์มต่างๆ ทั่วโลกมากขึ้นเรื่อยๆ จึงอำนวยความสะดวกในการซื้อขายสินค้าและบริการต่างๆ ฟังก์ชันการทำงานในฐานะสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนนี้เน้นให้เห็นถึงการใช้งานจริงในการทำธุรกรรมในชีวิตประจำวัน
● หน่วยวัดมูลค่า: แม้ว่ามูลค่าของ Bitcoin อาจมีความผันผวน แต่ก็มีการนำมาใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อแสดงมูลค่าของสินทรัพย์อื่นๆ มีธุรกิจห้างร้านและบุคคลจำนวนมากขึ้นที่ตั้งราคาสินค้าและบริการเป็น Bitcoin โดยตระหนักถึงศักยภาพในการทำหน้าที่เป็นหน่วยวัดมูลค่า
● ที่เก็บรักษามูลค่า: ลักษณะการกระจายศูนย์และความขาดแคลนโดยธรรมชาติของ Bitcoin นั้นทำให้เป็นรูปแบบที่เชื่อถือได้ในการรักษาความมั่งคั่งในระยะยาว ความเป็นอิสระจากระบบการเงินแบบดั้งเดิมช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดในฐานะการเป็นที่เก็บรักษามูลค่า
ด้วยคุณลักษณะเหล่านี้ Bitcoin จึงได้รับฉายาว่า “ทองคำดิจิทัล” สะท้อนถึงการเป็นที่เก็บรักษามูลค่าที่เชื่อถือได้ในภูมิทัศน์ทางการเงินที่มีวิวัฒนาการไปอย่างรวดเร็ว
การขุด Bitcoin คืออะไร
การขุด Bitcoin เป็นกลไกสำคัญในระบบนิเวศ Bitcoin โดยมีจุดประสงค์ 2 ประการคือการผลิต Bitcoin ใหม่และการตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมบนเครือข่าย กระบวนการนี้เรียกว่า Proof of Work (PoW) ซึ่งเป็นการที่นักขุดจะใช้ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์เฉพาะทางเพื่อแก้โจทย์ท้าทายทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน โจทย์การเข้ารหัสเหล่านี้ต้องใช้กำลังในการประมวลผลมหาศาลในการแก้ เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกรรมทั้งหมดมีความถูกต้องและปลอดภัย
เมื่อนักขุดแก้โจทย์ได้สำเร็จ ก็จะเพิ่มธุรกรรมที่ได้รับการยืนยันไปยังบล็อกเชน และรับ Bitcoin ที่เพิ่งสร้างใหม่เป็นรางวัลตอบแทน วิธีการนี้รักษาความปลอดภัยให้กับเครือข่ายและคงไว้ซึ่งบัญชีแยกประเภท (Ledger) ที่โปร่งใสและป้องกันการเปลี่ยนแปลงแก้ไขกับธุรกรรมทั้งหมด
ในสมัยแรกๆ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลธรรมดาก็เพียงพอสำหรับการขุด Bitcoin อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโจทย์การเข้ารหัสเริ่มยากขึ้น นักขุดจึงหันมาใช้ฮาร์ดแวร์ขั้นสูงมากขึ้น ปัจจุบัน นักขุดส่วนใหญ่ใช้เครื่อง Application-Specific Integrated Circuits (ASICs) ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการขุดที่มีประสิทธิภาพ วิวัฒนาการนี้ทำให้เห็นถึงความซับซ้อนและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นของกระบวนการขุด
ทุกวันนี้องค์กรขนาดใหญ่และกลุ่มความร่วมมือที่เรียกว่า “Mining Pool” นั้นครองส่วนแบ่งการขุด Bitcoin อยู่ องค์กรเหล่านี้นำทรัพยากรการประมวลผลมหาศาลมาใช้ เป็นการรักษาความปลอดภัยและความเสถียรของบล็อกเชน Bitcoin
Bitcoin Halving ครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อไร
Bitcoin Halving คืออะไร
Bitcoin จะมีเหตุการณ์สำคัญที่เรียกว่า “Halving ” เกิดขึ้นประมาณทุกๆ 4 ปี เหตุการณ์นี้จะลดรางวัลจากการขุดบล็อกใหม่ลงครึ่งหนึ่ง เป็นการลดอัตราการผลิต Bitcoin ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการออกแบบ Bitcoin โดยมีจุดประสงค์เพื่อควบคุมอุปทานของสกุลเงิน
Halving ในอดีต
Bitcoin ผ่าน Halving มาแล้ว 4 ครั้งตั้งแต่ปี 2008 คือในปี 2012, 2016, 2020 และ 2024 แต่ละรอบนั้นมีผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด Bitcoin โดยหลัง Halving ปี 2012 ราคาของ Bitcoin พุ่งจากประมาณ $12 ไปเป็นมากกว่า $1,100 ภายในปีเดียว ต่อมาหลัง Halving ปี 2016 ราคาก็ทะยานจาก $650 ไปสู่ระดับราว $20,000 ในปี 2017 ขณะที่ Halving ในปี 2020 ก็ตามมาด้วยการเพิ่มขึ้นของราคา Bitcoin ไปเป็นเกือบ $69,000 ในปี 2021 ส่วน Halving ครั้งล่าสุดในปี 2024 ซึ่งรางวัลบล็อกสำหรับนักขุด Bitcoin ลดลงจาก 6.25 BTC เหลือ 3.125 BTC ก็ได้ทำให้ราคา Bitcoin ปรับตัวขึ้นจากประมาณ $64,000 ไปเป็นมากกว่า $71,000
Halving ปี 2028
เมื่อมองไปสู่อนาคต Bitcoin Halving ครั้งถัดไปมีกำหนดการเกิดขึ้นในปี 2028 เหตุการณ์นี้ได้รับการคาดหวังอย่างกระตือรือร้นจากชุมชนคริปโต เนื่องจากจะลดรางวัลจากการขุดลงจาก 3.125 เหลือ 1.5625 Bitcoin ต่อบล็อก แม้ว่าการคาดการณ์โดยธรรมชาติแล้วจะเป็นการเก็งกำไร แต่เทรนด์ในอดีตก็ชี้ให้เห็นว่าอุปทานที่หดตัวเมื่อเทียบกับอุปสงค์ที่คงที่หรือเพิ่มขึ้น อาจไปกระตุ้นให้มูลค่าของ Bitcoin ดีดตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอีกครั้งได้
Bitcoin Halving ส่งผลต่อราคา BTC หรือไม่
ที่ผ่านๆ มา Bitcoin Halving ส่งผลกระทบต่อราคาของ BTC เป็นอย่างมาก ด้วยการลดอัตราการผลิต Bitcoin ใหม่ลง การเกิด Halving จะไปลดอุปทานของ Bitcoin ใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดลง อุปทานที่ลดลงนี้ เมื่อรวมกับอุปสงค์ที่คงที่หรือเพิ่มขึ้น ก็มักนำไปสู่การปรับตัวขึ้นของราคา ซึ่ง Halving รอบที่ผ่านๆ มาก็ได้แสดงให้เห็นถึงเทรนด์นี้ โดยราคาจะพุ่งขึ้นอย่างมากหลังจากแต่ละรอบ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรทราบก็คือ สภาวะตลาดและปัจจัยภายนอกก็มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin ด้วยเช่นกัน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลด้วยตนเองเมื่อทำการตัดสินใจลงทุนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ Bitcoin Halving
กรณีการนำไปใช้งานที่เป็นไปได้สำหรับ Bitcoin
Bitcoin ได้พลิกโฉมภูมิทัศน์ทางการเงินด้วยการใช้งานจริงที่หลากหลาย:
● สื่อดิจิทัลในการแลกเปลี่ยน: Bitcoin ช่วยให้การทำธุรกรรมมีความปลอดภัย โปร่งใส และไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ โดยไม่ต้องอาศัยระบบธนาคารแบบดั้งเดิมเลย จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการชำระเงินระหว่างประเทศด้วยการมีค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารทั่วไป
● ที่เก็บรักษามูลค่า: Bitcoin เรียกกันว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล” ซึ่งดึงดูดนักลงทุนได้ในฐานะการเป็นที่เก็บรักษามูลค่าและสินทรัพย์เพื่อการลงทุน อุปทานที่มีจำกัดนั้นคล้ายกับลักษณะความขาดแคลนของทองคำ จึงทำให้เป็นที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อหรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
● การผสานการทำงานกับ Fintech และ IoT: Bitcoin อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมแบบอัตโนมัติและปลอดภัย อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความคล่องตัว นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญใน Decentralized Finance (DeFi) ซึ่งมีศักยภาพในการพลิกโฉมธุรกรรมทางการเงินทั่วโลก และส่งเสริมระบบการเงินที่เพิ่มโอกาสการเข้าถึงมากขึ้น
● การเพิ่มขีดความสามารถและโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงิน: Bitcoin ช่วยให้ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบธนาคารแบบดั้งเดิมสามารถมีส่วนร่วมในการค้าระหว่างประเทศ ลงทุน และรับเงินกู้ได้ ความสามารถในการเข้าถึงนี้ช่วยปรับภูมิทัศน์ทางการเงินให้เกิดความเท่าเทียมกัน โดยให้โอกาสในการมีส่วนร่วมที่กว้างขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin
Bitcoin Halving: ดวงจันทร์ก็แค่ปากซอยหรือไม่
Bitcoin คืออะไร สุดยอดคู่มือฉบับเข้าใจง่ายสำหรับมือใหม่ในวงการคริปโต
การเปลี่ยนแปลงราคาของ Bitcoin ใน USD
ประวัติราคา Bitcoin ใน USD
ข้อมูลตลาดของ Bitcoin
BTC เป็นสกุลเงินท้องถิ่น
เครื่องคำนวณคริปโต- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
วิธีซื้อ Bitcoin(BTC)
สร้างบัญชี Bitget ของคุณแบบฟรีๆ
ยืนยันบัญชีของคุณ
ซื้อ Bitcoin (BTC)
เทรด BTC Perpetual Futures
หลังจากทำการสมัครบน Bitget และซื้อ USDT หรือโทเค็น BTC สำเร็จแล้ว คุณสามารถเริ่มเทรดอนุพันธ์ รวมถึง BTC Futures และการเทรด Margin เพื่อเพิ่มรายได้ของคุณได้เลย
ราคาปัจจุบันของ BTC คือ $69,581.17 โดยมีการเปลี่ยนแปลงราคา 24 ชั่วโมงอยู่ที่ +0.39% นักเทรดสามารถทำกำไรได้จากการเปิด Long หรือ Short ใน BTC Futures
Social Data ของ Bitcoin
ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา คะแนนความเชื่อมั่นบนโซเชียลมีเดียสำหรับ Bitcoin อยู่ที่ 3.4 และความเชื่อมั่นบนโซเชียลมีเดียต่อเทรนด์ราคาของ Bitcoin มีลักษณะ Bullish ทั้งนี้ คะแนนโซเชียลมีเดียโดยรวมของ Bitcoin อยู่ที่ 824,235,078 ซึ่งถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 1 จากบรรดาคริปโทเคอร์เรนซีทั้งหมด
จากข้อมูลของ LunarCrush ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการกล่าวถึงคริปโทเคอร์เรนซีบนโซเชียลมีเดียทั้งหมด ครั้ง โดย Bitcoin ได้รับการกล่าวถึงด้วยอัตราความถี่ 38.87% ซึ่งถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 1 จากบรรดาคริปโทเคอร์เรนซีทั้งหมด
ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำกันทั้งหมด 749,600 รายที่พูดคุยเกี่ยวกับ Bitcoin โดยมีการกล่าวถึง Bitcoin ทั้งหมด 411,278 ครั้ง อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ พบว่าจำนวนผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำกัน เพิ่มขึ้น ถึง 2% และจำนวนการกล่าวถึงทั้งหมด ลดลง ถึง 1%
บน Twitter มี Tweet ที่กล่าวถึง Bitcoin ทั้งหมด 10857 รายการในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยใน Tweet ดังกล่าว มี 50% กำลัง Bullish กับ Bitcoin, 10% กำลัง Bearish กับ Bitcoin และ 40% อยู่ในสภาวะเป็นกลางกับ Bitcoin
ใน Reddit มี 3336 โพสต์ที่กล่าวถึง Bitcoin ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้า จำนวนการกล่าวถึงลดลงถึง 6%
ภาพรวมโซเชียลทั้งหมด
3.4