การยื่นขอจดทะเบียน Spot ETH ETF ของ BlackRock กับ Nasdaq
สรุปใจความสำคัญ
- BlackRock ยื่นขอจดทะเบียน Spot ETH ETF กับ Nasdaq ไปเมื่อเร็วๆ นี้
- การเคลื่อนไหวครั้งนี้ส่งผลให้เทรนด์ความสนใจใน ETF คริปโตเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก
- การที่ “BlackRock” บริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ยื่นขอจดทะเบียน Spot ETH ETF ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อตลาดการเงินในวงกว้าง โดยผลกระทบแง่หนึ่งที่เกิดขึ้นในทันที คือ การเพิ่มขึ้นของราคา ETH สู่จุดสูงสุดในรอบ 6 เดือน
ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง เมื่อ BlackRock บริษัทจัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ยื่นขอจดทะเบียน Spot Ether ETF เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน การเคลื่อนไหวครั้งนี้ส่งผลให้เทรนด์ความสนใจใน ETF คริปโตเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก เป็นดั่งสัญญาณของความคืบหน้าอย่างรวดเร็วในด้านการยอมรับคริปโตจากรัฐบาลและสถาบันต่างๆ
การเคลื่อนไหวฉับไวสู่ ETH ของ BlackRock
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน มีข่าวแพร่สะพัดว่า BlackRock ได้จดทะเบียน Ethereum Trust ที่ชื่อ “iShares Ethereum Trust” ในเดลาแวร์ การเคลื่อนไหวดังกล่าวจุดชนวนให้เกิดการเก็งกำไรในตลาดการเงินที่เกี่ยวข้องกับ Spot Ether ETF ที่มีศักยภาพ แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ ในวันรุ่งขึ้น BlackRock ได้ยื่นขอจดทะเบียน Spot Ether ETF กับ Nasdaq อย่างฉับไว กล่าวได้ว่า ความก้าวหน้าอันรวดเร็วตั้งแต่การจดทะเบียน Ethereum Trust ไปจนถึงการยื่นขอจดทะเบียน ETF ภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงนี้ ตอกย้ำให้เห็นถึงแนวทางเชิงรุกอันน่าประทับใจของ BlackRock และความมุ่งหวังที่จะอยู่ในแนวหน้าของภูมิทัศน์คริปโตที่กำลังพัฒนาแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ การตัดสินใจยื่นจด Spot Ether ETF กับ Nasdaq ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำของโลกก็นับเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่กล้าหาญเลยทีเดียว ถือว่า BlackRock ได้แสดงจุดยืนในฐานะผู้บุกเบิกด้านการเชื่อมโยงระบบการเงินแบบดั้งเดิมเข้ากับโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ผ่านการดำเนินการอันแน่วแน่เพื่อนำ ETF ที่เน้นคริปโทเคอร์เรนซีเข้ามาสู่ตลาดหลักทรัพย์นั่นเอง
กระแส ETF คริปโตทั่วโลก
ตลาดการเงินทั่วโลกกำลังพบเจอการพัฒนาอย่างรวดเร็วของ ETF ที่เกี่ยวข้องกับคริปโต โดยเน้นไปที่การยื่นจดทะเบียน Spot Bitcoin ETF ในสหรัฐอเมริกาเป็นพิเศษ “BlackRock” ผู้เล่นหลักในกระแสความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ได้ทำการยื่นขอจด Spot Bitcoin ETF ไปในช่วงฤดูร้อนปี 2023 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อตลาดคริปโต หลังจากการดำเนินการในครั้งนั้นของ BlackRock บริษัทจัดการสินทรัพย์อีกหลายแห่ง เช่น Fidelity, Invesco, VanEck, Cathie Wood's Ark และอีกมากมายต่างได้ตัดสินใจส่งเอกสารยื่นขอจดทะเบียน Spot Bitcoin ETF หรือส่งเอกสารซ้ำอีกครั้งเพื่อให้บรรลุความตั้งใจดังกล่าว
เมื่อเดือนที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (Securities and Exchange Commission: SEC) ได้อนุมัติ Futures Ether ETF รายการแรกในสหรัฐอเมริกา ซึ่งการให้ “ไฟเขียว” ด้านการกำกับดูแลนี้เองสะท้อนให้เห็นถึงความเต็มใจที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นภายในหน่วยงานทางการเงินที่จะยอมรับและผสานรวมคริปโทเคอร์เรนซีเข้ากับกรอบการทำงานที่ชัดเจนของตลาดดั้งเดิม
เทรนด์ทั่วโลกเริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นจากการให้ไฟเขียวหรืออนุมัติ Spot ETF คริปโตในฮ่องกงที่เกิดขึ้นไปเมื่อเร็วๆ นี้ บ่งชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงระดับโลกไปสู่การรับรู้และผสานรวมสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ากับตลาดการเงินแบบดั้งเดิม กล่าวได้ว่า เหตุการณ์นี้เองแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติแห่งความไร้พรมแดนของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี โดยมีหน่วยงานด้านการกำกับดูแลทั่วโลกพยายามปรับตัวให้เข้ากับภูมิทัศน์ทางการเงินที่พัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่องนี้ต่อไป
ท่ามกลางการพัฒนาระดับโลกเหล่านี้ ในด้านของ “Grayscale” บริษัทจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลอันโด่งดังก็ได้ยื่นคำร้องเพื่อแปลง Ethereum Trust ให้เป็น Spot ETF ไปในเดือนตุลาคม 2023 เช่นกัน อย่างไรก็ตาม การยื่นคำร้องในครั้งนี้กลับมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในทางตรงกันข้าม BlackRock ผู้มีชื่อเสียงในด้านความสำเร็จที่ไม่มีใครเทียบได้ในการได้รับอนุมัติคำขอต่างๆ ได้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดโดยยื่นขอจดทะเบียน Spot ETH ETF กับ Nasdaq ทำให้เกิดการพัฒนาครั้งสำคัญในวงการคริปโตขึ้นอีกครั้ง
การมีส่วนร่วมของ BlackRock ในด้าน Spot ETH ETF ช่วยเพิ่มน้ำหนักความสำคัญอย่างมากให้กับประเด็นถกเถียงเกี่ยวกับ ETF คริปโทเคอร์เรนซีที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน กล่าวคือ ตำแหน่งอันทรงอิทธิพลของบริษัทและประวัติความสำเร็จที่ชัดเจนในเซกเตอร์การเงินแบบดั้งเดิมได้ตอกย้ำให้การก้าวเข้าสู่วงการสินทรัพย์ดิจิทัลของ BlackRock ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ผลกระทบในตลาดจากการยื่นจดทะเบียน Spot ETH ETF ของ BlackRock
การยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้ง Spot ETH ETF ของ BlackRock เมื่อเร็วๆ นี้ ได้สร้างกระแสอย่างรุนแรงภายในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี โดยมีผลกระทบที่เกิดขึ้นในทันทีและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ในหลายๆ ด้าน ดังต่อไปนี้
ราคา ETH พุ่งขึ้นในทันที
ผลกระทบที่เกิดขึ้นในทันทีจากการยื่นจดทะเบียน Spot ETH ETF ของ BlackRock คือ ราคาของ ETH ที่พุ่งสูงขึ้น ข่าวดังกล่าวทำให้ราคา Ether เพิ่มขึ้นอย่างมากภายในระยะเวลาอันสั้น โดยพุ่งขึ้นเกือบถึง 10% และไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนด้วยเช่นกัน จะเห็นได้ว่า ปฏิกิริยาของตลาดที่เกิดขึ้นในทันทีนี้ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของการเข้าสู่เวที ETH ETF ของ BlackRock และความเชื่อมั่นโดยรวมในเชิงบวกที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในคริปโต
บรรทัดฐานด้านการกำกับดูแลและผลกระทบต่อคู่แข่ง
การยื่นจดทะเบียนของ BlackRock ได้สร้างบรรทัดฐานด้านการกำกับดูแลสำหรับ ETF ที่เน้น Ether โดยเฉพาะ ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวทางที่หน่วยงานด้านการกำกับดูแลจะเลือกใช้กับข้อเสนอใดๆ ที่คล้ายกันจากหน่วยงานอื่นๆ ทั้งนี้ การโต้ตอบของ ก.ล.ต. ต่อการยื่นจดทะเบียนของ BlackRock ก็สามารถนำมาใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับการตัดสินใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกันในอนาคตได้อีกด้วย นอกจากนั้น การเคลื่อนไหวของ BlackRock ในครั้งนี้ยังอาจส่งผลกระทบต่อคู่แข่งและกระตุ้นให้พวกเขาเร่งดำเนินการแผน ETF ของตนเพื่อให้อยู่ในจุดที่สามารถแข่งขันได้ในภูมิทัศน์ที่กำลังพัฒนาแห่งนี้
โอกาสในการขยายตลาด
การเข้ามามีบทบาทของ BlackRock ใน Spot ETH ETF สามารถปูทางไปสู่การขยายตลาดเพิ่มเติมได้ กล่าวคือ การยื่นจดทะเบียนนี้สามารถกระตุ้นให้เกิดความสนใจเพิ่มขึ้นในสถาบันต่างๆ รวมถึงเพิ่มการมีส่วนร่วมในตลาดคริปโตได้อีกด้วย เนื่องจาก ETF พร้อมให้เครื่องมือการลงทุนที่เข้าถึงได้และเป็นที่คุ้นเคยมากกว่าเดิมสำหรับนักลงทุนทั่วไปทุกคน ยิ่งไปกว่านั้น โอกาสที่กลุ่มสถาบันจะเข้ามามีบทบาทในตลาดคริปโตกันมากขึ้นนี้เองก็ยังมีศักยภาพในการทำให้ตลาดคริปโตพัฒนาและมีเสถียรภาพยิ่งขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ การยื่นจด Spot ETH ETF ยังเปิดช่องทางใหม่สำหรับนักลงทุนรายย่อย เพื่อการเข้าถึงและรับผลประโยชน์จาก ETH ในแนวทางแบบดั้งเดิมโดยที่ไม่ต้องถือครองสินทรัพย์โดยตรงได้อีกต่างหาก กล่าวได้ว่า การเข้าถึงที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นนี้จะสามารถดึงดูดนักลงทุนที่หลากหลายเข้ามาสู่ตลาดคริปโตได้อย่างแน่นอน
แรงกระเพื่อมแห่งการแข่งขัน
การที่ BlackRock เดินหน้าเข้าสู่เวที Spot ETH ETF ไม่เพียงแต่เพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุนเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างเวทีสำหรับการแข่งขันที่สูงขึ้นระหว่างบริษัทจัดการสินทรัพย์อีกด้วย ในขณะที่องค์กรรายอื่นปฏิบัติตามการเคลื่อนไหวของ BlackRock ทางเลือกการลงทุนคริปโตในตลาดก็มีแนวโน้มที่จะเกิดความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยขยายขอบเขตการลงทุนในคริปโตต่อไป อย่างไรก็ดี การแข่งขันนี้จะเป็นประโยชน์แก่นักลงทุน เนื่องจากจะมีการให้บริการผลิตภัณฑ์การลงทุนคริปโตที่หลากหลายพร้อมกลยุทธ์ แบบบันทึกข้อมูลบัญชีความเสี่ยง (Risk Profile) และโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน นักลงทุนจึงสามารถเลือกลงทุนจากตัวเลือกต่างๆ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้กันได้เลย นอกจากนี้ ความแพร่หลายของ ETF คริปโตยังช่วยให้ตลาดเติบโตได้อีกด้วย เพราะถือเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงการรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นว่า สินทรัพย์ชนิดนี้เป็นประเภทสินทรัพย์ที่ถูกต้องตามกฎหมายและมีความหลากหลายพร้อมให้เลือกใช้งาน
ข้อสงวนสิทธิ์: ความคิดเห็นที่อยู่ในบทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น บทความนี้ไม่ใช่การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ที่ได้มีการเอ่ยถึง รวมถึงไม่ใช่คำแนะนำด้านการลงทุน การเงิน หรือการเทรด ผู้ใช้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองก่อนตัดสินใจลงทุน
- วิธีถอนโทเค็น CATS จาก Telegram แล้วฝากเข้า Bitget2024-10-01 | 5m
- ฝาก CATI เข้า Bitget ไร้ค่า Gas2024-09-14 | 5m