Bitget App
เทรดอย่างชาญฉลาดกว่าที่เคย
ซื้อคริปโตตลาดเทรดFuturesCopyบอทเทรดEarn
บล็อกเชน
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Web3 และ Metaverse และการทำงานร่วมกัน

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Web3 และ Metaverse และการทำงานร่วมกัน

มือใหม่
2024-01-18 | 5m

นับตั้งแต่กำเนิดขึ้นในต้นทศวรรษ 1990 อินเทอร์เน็ตได้พัฒนามาเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางเทคโนโลยีที่ล้ำค่าที่สุด โดยนำเสนอการเข้าถึงความรู้โดยรวมของมนุษยชาติได้ทันทีโดยไม่ว่าจะอยู่ที่ใด อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับเทคโนโลยีอื่นๆ อินเทอร์เน็ตก็จำเป็นต้องมีการอัปเกรดเพื่อให้รองรับความต้องการสมัยใหม่ได้ดีขึ้น และตอนนี้เรากำลังเข้าใกล้แนวทางการเปลี่ยนผ่านในการสัมผัสประสบการณ์ World Wide Web ด้วยเช่นกัน

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในปัจจุบัน มีโมเดลที่แตกต่างกัน 2 รายการที่ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็คือ Web3 และ Metaverse ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในปัจจุบัน มีโมเดลที่แตกต่างกัน 2 รายการที่ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็คือ Web3 และ Metaverse

รุ่งอรุณแห่ง Web3

เพื่อให้เข้าใจถึงการกำเนิดขึ้นของ Web3 การย้อนดูเส้นทางของอินเทอร์เน็ตในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมาแบบคร่าวๆ ก็จะช่วยได้อย่างมาก Web1 ถือกำเนิดขึ้นในช่วงต้นทศวรรษที่ 90 และดำรงอยู่จนถึงประมาณช่วงปี 2004 เนื่องจากอินเทอร์เน็ตยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เว็บไซต์จึงมีลักษณะ “อ่านอย่างเดียว (Read-Only)” เป็นหลัก และผู้ใช้ส่วนใหญ่เพียงแค่รับข้อมูลจากเว็บไซต์ที่โฮสต์โดยบริษัทต่างๆ

ไม่นานหลังจากเริ่มต้นสหัสวรรษใหม่ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียก็ได้รับความนิยม จนนำไปสู่ Web 2 ซึ่งในยุคนี้ไม่ได้เน้นเพียงแค่การเข้าชมเท่านั้น แต่ยังเน้นที่การมีส่วนร่วมผ่านการโพสต์และการร่วมสนับสนุนอีกด้วย ถือเป็นจุดเริ่มต้นของเฟส “อ่านและเขียน (Read and Write)” ของ World Wide Web ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างเนื้อหาสำหรับโฮสต์บนเซิร์ฟเวอร์ได้ แต่ถึงแม้จะมีการสนับสนุน เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทและองค์กรขนาดใหญ่เหล่านี้อยู่ดี

ตรงนี้เองที่ Web 3 ก้าวเข้ามา Web3 คิดค้นขึ้นโดย Gavin Wood ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum และมีหัวใจหลักอยู่ที่การกระจายศูนย์ของอินเทอร์เน็ต โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดการข้อกังวลของหลายๆ คนที่รู้สึกว่าบริษัทเอกชนจำนวนหนึ่งมีอำนาจควบคุมและอำนาจเหนืออินเทอร์เน็ตที่มีอยู่มากเกินไป อีกทั้งข้อกังวลที่ระบบต้องมีความไว้วางใจอย่างมากในหน่วยงานเหล่านี้จึงจะทำงานได้อย่างเหมาะสม ซึ่งโซลูชันสำหรับปัญหานี้คือโครงสร้างแบบกระจายศูนย์โดยสมบูรณ์ซึ่งช่วยส่งเสริมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตให้ไม่เพียงแต่สามารถอ่านและเขียนเนื้อหาเท่านั้น แต่ยังเป็นเจ้าของเนื้อหาได้ด้วย

โดยพื้นฐานแล้ว Web3 มีคุณลักษณะสำคัญ 4 ประการที่จะปฏิวัติเว็บได้ ประการแรกและเป็นประการที่สำคัญที่สุด ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่าโครงสร้างพื้นฐานใหม่เป็นแบบกระจายศูนย์ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งหรือบริษัทขนาดใหญ่ไม่กี่แห่งที่จะเป็นเจ้าของส่วนใดๆ ของอินเทอร์เน็ต ประการที่ 2 คือ Web3 นั้นเป็นแบบไม่ต้องอาศัยการอนุญาต (Permissionless) ซึ่งหมายความว่าทุกคนสามารถเข้าร่วมและเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่มีข้อยกเว้น ประการที่ 3 คือ Web3 สร้างขึ้นบนระบบที่ไม่ต้องอาศัยความไว้วางใจ (Trustless) ทำให้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบุคคลที่สาม ในทางกลับกัน มีการเสนอรางวัลจูงใจทางเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมดำเนินการเพื่อประโยชน์สูงสุดของทุกคน ประการสุดท้าย เพื่ออำนวยความสะดวกด้านรางวัลจูงใจเหล่านี้ Web3 จึงมีระบบการชำระเงินของตัวเองในรูปแบบของคริปโทเคอร์เรนซี โดยไม่ต้องใช้ตัวกลางอย่าง ธนาคารและตัวประมวลผลการชำระเงิน

การปรากฎตัวของ Metaverse

แม้ว่าจะมีการหารือกันถึง Web3 อย่างกว้างขวางตั้งแต่แนวคิดนี้ปรากฏขึ้นในช่วงประมาณปี 2014 แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็มีอีกแนวคิดหนึ่งที่ได้รับความสนใจอย่างมากเช่นกัน นั่นก็คือ Metaverse ซึ่งคำนี้มีที่มาจากนวนิยายไซไฟเรื่อง Snow Crash ในปี 1992 และต่อมาแนวคิดนี้ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมในผลงานบนสื่อยอดนิยมอื่นๆ เช่น Ready Player One ในปี 2001

ในปัจจุบันคำว่า “Metaverse” ถูกใช้อย่างแพร่หลายเพื่ออธิบายแนวคิดเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมเสมือนแบบถาวรที่มีการเชื่อมต่อถึงกัน ซึ่งผู้ใช้สามารถติดต่อกันและเชื่อมต่อกับสภาพแวดล้อมรอบตัวได้โดยใช้อุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงระบบและอุปกรณ์สวมศีรษะสำหรับโลกความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality) และโลกความเป็นจริงเสริม (Augmented Reality) อย่างไรก็ตาม เนื่องจากระบบนิเวศที่บริษัทและนักพัฒนาจำนวนมากมองว่าเป็นก้าวถัดไปของวิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ต แนวคิดนี้จึงขยายออกไปจนครอบคลุมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ ที่หลากหลายมากขึ้น

วิสัยทัศน์ดังกล่าวได้พัฒนาไปสู่โลกเสมือนจริงแบบผสานรวมที่ทุกแพลตฟอร์มเชื่อมต่อกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถท่องไปในสภาพแวดล้อมดิจิทัลเหล่านี้ได้อย่างราบรื่นผ่านอวาตาร์ส่วนบุคคล Metaverse พยายามที่จะจำลองชีวิตประจำวันในโลกแห่งความเป็นจริงของเราอย่างใกล้เคียงมากที่สุดเพื่อนำมาไว้ในโลกดิจิทัล ตั้งแต่พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ สถาบันที่เป็นประโยชน์ ไปจนถึงสถานประกอบการค้าปลีก

แม้ว่าฟีเจอร์บางอย่างเหล่านี้ยังต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะกลายเป็นจริงได้ แต่เราก็ได้เห็นประสบการณ์ที่คล้ายกับการนำ Metaverse หลายแห่งมาใช้โดยใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ ตัวอย่างเช่น คอนเสิร์ตดนตรีที่จัดขึ้นในเกม Fortnite, การผจญภัยใน World of Warcraft และการทำงานร่วมกันในแพลตฟอร์มอย่าง VR Chat และ Horizon Workrooms ของ Meta ที่แสดงให้เห็นถึงโลกเสมือนจริงที่นำผู้คนมารวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมที่ตามปกติแล้วจะจัดขึ้นในสภาพแวดล้อมโลกแห่งความเป็นจริง ข้อแตกต่างที่สำคัญคือสภาพแวดล้อมเหล่านี้ทั้งหมดเป็นอิสระจากกัน โดยมีลักษณะเหมือนเป็นหลายๆ Metaverse ที่แยกจากกัน แทนที่จะเป็น Metaverse ที่รวมเป็นหนึ่งเดียว

ซึ่งจริงๆ แล้ว บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งได้เริ่มพัฒนา Metaverse ของตนเองกันแล้ว ได้แก่ Meta (เดิมคือ Facebook), Microsoft, Nvidia, Roblox และ Epic Games ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ก็คือ แทนที่จะมี Metaverse เดียวที่เป็นสากลเหมือนอย่าง The Oasis ใน Ready Player One เราก็จะมี Metaverse ที่แตกต่างกันหลายแห่งที่แข่งขันกันเพื่อแย่งชิงความนิยมและการใช้งานจากบริษัทต่างๆ หากคุณเป็นผู้สนับสนุนประสบการณ์การใช้งานเว็บแบบที่มีการกระจายศูนย์มากขึ้น ถึงตอนนี้ คุณอาจทราบแล้วว่า ยังมีข้อกังวลเดียวกันกับใน Web2 คือ มีบริษัทไม่กี่แห่งจะมีสิทธิ์ควบคุมอินเทอร์เน็ตมากเกินไป โซลูชันสำหรับความท้าทายเหล่านี้คือ การวนกลับมาที่เดิม หรือก็คือ Web3 นั่นเอง

แตกต่างแต่ช่วยเสริมกัน

หากดูเผินๆ Web3 และ Metaverse ในอุดมคติคือวิสัยทัศน์ 2 ประการเกี่ยวกับอนาคตของอินเทอร์เน็ตที่ดูเหมือนจะมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่แตกต่างกันมาก ซึ่งอย่างแรกคือ Web3 จะสร้างโครงสร้างที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นสำหรับ World Wide Web ในขณะที่อย่างหลังคือ Metaverse หวังที่จะทำให้การท่องอินเทอร์เน็ตเป็นประสบการณ์ที่สมจริงยิ่งขึ้น ทั้งสองอย่างเกี่ยวข้องกับประเด็นที่แยกจากกัน โดย Web3 มุ่งเน้นไปที่การปลดแอกระบบทั้งหมดมากกว่า ส่วน Metaverse มุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์ของผู้ใช้ปลายทางแทน การสร้าง World Wide Web แบบกระจายศูนย์อาจไม่ได้นำไปสู่ Metaverse เสมอไป และการสร้าง Metaverse ก็อาจไม่ได้ทำให้อินเทอร์เน็ตเป็นประชาธิปไตยเสมอไป อย่างไรก็ตาม ดังที่คุณอาจจะพอเข้าใจแล้วในตอนนี้ Web3 และ Metaverse นั้นมีความเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะส่งเสริมซึ่งกันและกัน

ตามที่กล่าวไว้ในหัวข้อที่แล้ว ปัญหาหลักประการหนึ่งของ Metaverse (หรืออย่างที่เราคาดไว้คือ Metaverse หลายแห่ง) ก็คือ อำนาจบนอินเทอร์เน็ตจะยังคงอยู่ในมือของผู้เล่นรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย ซึ่งการสร้าง Metaverse ที่แท้จริงโดยใช้เทคโนโลยี Web3 จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ผู้ใช้เป็นผู้ควบคุมโลกเสมือนจริงแทน และด้วยการสร้างโลกดิจิทัล 3 มิติที่เป็นสากลและกระจายศูนย์ ผู้ใช้ก็สามารถท่องผ่านสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันได้อย่างราบรื่น โดยรักษาความเป็นเจ้าของในตัวตน ข้อมูล และการมีส่วนร่วมอย่างปลอดภัยไว้

แน่นอนว่ายังมีด้านอื่นๆ อีกที่ทั้ง 2 อย่างสามารถทำงานควบคู่กันไปได้เช่นกัน โดย Metaverse ต้องอาศัยสกุลเงินดิจิทัลในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ เทคโนโลยี Web3 อย่าง Non-Fungible Token (NFT) และคริปโทเคอร์เรนซีสามารถให้การเป็นเจ้าของทั้งสินทรัพย์และที่เก็บรักษามูลค่าได้อย่างปลอดภัย รวมถึงสามารถพัฒนา DApp (แอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์) และ DAO (องค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์) เพื่อยกระดับ Metaverse และสร้างประสบการณ์แบบใหม่ล่าสุด และในเวลาเดียวกัน ครีเอเตอร์และผู้ใช้ยังคงอยู่ในการควบคุม สามารถตัดสินใจร่วมกันได้ว่าควรดำเนินการพัฒนาอย่างไร ด้วยวิธีนี้ Web3 จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำให้ Metaverse เป็นประชาธิปไตย

อนาคตของอินเทอร์เน็ต

เมื่อใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ Web3 ต่างๆ ที่เราได้กล่าวถึงไป อินเทอร์เน็ตจะมีศักยภาพที่จะวิวัฒนาการเป็น Metaverse ที่ปราศจากการเซนเซอร์และลักษณะที่มีผู้ขายน้อยราย ถึงแม้ว่าโมเดลอนาคตของเว็บทั้ง 2 โมเดลจะมีมา 2-3 ปีแล้ว แต่เรายังคงอยู่ในขั้นเริ่มต้นของการพัฒนา และไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะใช้เวลาสักระยะหนึ่งก่อนที่เทคโนโลยีเหล่านี้จะแพร่หลายมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเทคโนโลยีก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการเกิดขึ้นของระบบใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้อาจปฏิวัติเศรษฐกิจโลกและวิธีที่เราในฐานะบุคคลจะมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างกันได้

แชร์
link_icon
หากยังไม่ได้เป็น Bitgetterของขวัญต้อนรับมูลค่า 6,200 USDT สำหรับ Bitgetter หน้าใหม่!
สมัครเลย
ทุกเหรียญโปรดของคุณ เรามีให้ครบครัน!
ซื้อ ถือ และขายคริปโทเคอร์เรนซียอดนิยม เช่น BTC, ETH, SOL, DOGE, SHIB, PEPE และอีกเพียบ ลงทะเบียนและเทรดเพื่อรับเซ็ตของขวัญสำหรับผู้ใช้ใหม่มูลค่า 6,200 USDT!
เทรดเลย