Bitget ช่วยนักเทรดดัชนีได้อย่างไร กลยุทธ์ CTA อาจเป็นเทรนด์ใหญ่เทรนด์ต่อไป
ที่ Bitget เรายึดมั่นในคำมั่นสัญญาของเราที่ว่า “Trade Smarter” ด้วยการอัปเกรดโมดูลการเทรดด้วยบอท และส่วนหนึ่งของการอัปเกรดนี้คือ Bitget จะนำเสนอกลยุทธ์ Quantitative ใหม่ด้วยกัน 2 กลยุทธ์ คือ Spot CTA และ Futures CTA
กลยุทธ์ CTA คืออะไร
CTA ย่อมาจาก Commodity Trading Advisor หมายถึงประเภทของกลยุทธ์ที่ใช้กับการเทรดใน Futures ของสินค้าโภคภัณฑ์และของดัชนีหุ้นโดยเฉพาะ กลยุทธ์ CTA ส่วนใหญ่ใช้เทรนด์ราคา/ปริมาณสำหรับการเทรดระยะสั้น และสร้างระบบการเทรดดัชนีที่สมบูรณ์ โดยกลยุทธ์ที่ใช้กันทั่วไปมีทั้งกลยุทธ์การเทรด Turtle, กลยุทธ์การเทรด MACD และกลยุทธ์การเทรด BOLL Mean Reversion
จากประสบการณ์ที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้วของผลิตภัณฑ์ CTA ก่อนหน้านี้ เราได้นำเสนอระบบการเทรดดัชนีสำหรับ คริปโทเคอร์เรนซีบนแพลตฟอร์มการเทรดด้วยบอทของเรา เพื่อช่วยให้ผู้ใช้คว้าโอกาสในการเทรดได้ดีขึ้นและหาจุดเข้าที่ดีที่สุดได้ในตลาดที่คาดเดายาก
โดยสรุปคือเป็นการใช้โปรแกรมเพื่อใช้กลยุทธ์การเทรดดัชนีโดยอัตโนมัติในการซื้อ (Go Long) ขาย (Go Short) หรือ Go Long และ Short ในโทเค็นโดยตั้งเป้าทำกำไรสุทธิ การฝึกใช้กลยุทธ์ CTA สามารถตัดปัจจัยด้านอารมณ์มนุษย์และการตัดสินใจที่ไม่ดีออกไปได้ เพราะบอท CTA ออกแบบมาให้ทำตามกฎที่กำหนดไว้ล่วงหน้า จึงทำให้มีประสิทธิภาพในการดำเนินการสูงขึ้นและมีความแม่นยำในการเทรดมากขึ้น
บอท CTA-AI
เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ทั่วไปใช้งานกลยุทธ์การเทรดที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น บอท CTA-AI ของ Bitget จึงทำ Backtest (ทดสอบย้อนหลัง) ข้อมูลที่ผ่านมาล่าสุดเพื่อค้นหาพารามิเตอร์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับบอทในการปรับให้เข้ากับตลาด วิธีนี้ช่วยลดปัญหาในการตั้งค่าพารามิเตอร์ต่างๆ ที่ดูยุ่งยาก โดยเพียงเลือกบอท AI แล้วเลือก “สร้าง Order / Create an order” เพื่อป้อนจำนวนเงิน เท่านี้ก็เรียบร้อย บอกลาการเขียนโค้ดที่ซับซ้อนและน่าเบื่อไปได้เลย
การใช้กลยุทธ์ CTA
กลยุทธ์ CTA ของ Bitget จะหาเทรนด์ราคาโดยติดตาม MACD, ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) 2 เส้น, Bollinger Band และสัญญาณอื่นๆ เพื่อดูว่าจะมี Golden Cross (หรือ Death Cross) เกิดขึ้นหรือไม่ เพื่อให้สามารถจับจังหวะในการเทรดและวาง Order ตามเทรนด์ได้อย่างแม่นยำ
ปัจจุบันกลยุทธ์ CTA ของ Bitget รองรับดัชนีต่อไปนี้:
• MACD (ติดตามอินดิเคเตอร์ MACD แบบเรียลไทม์ ทำการซื้อเมื่อเกิด Golden Cross และขายเมื่อเกิด Death Cross ใช้เมื่อตลาดเปลี่ยนแปลงค่อนข้างช้า)
• Bollinger Band (ใช้ร่วมกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) จะเปิด Short เมื่อราคาตัดขึ้นเหนือเส้นบนและเปิด Long เมื่อราคาตัดลงใต้เส้นล่าง เหมาะสำหรับตลาดช่วงพักตัวและแกว่งตัวในกรอบ)
Bitget จะรองรับดัชนีเพิ่มขึ้นในอนาคต โปรดติดตามอย่างใกล้ชิด!
ลักษณะของกลยุทธ์ CTA
คุณสมบัติที่สำคัญของการลงทุนแบบ CTA Quantitative ได้แก่:
• ใช้โมเดลทางคณิตศาสตร์และอัลกอริทึม: การลงทุนแบบ CTA Quantitative ใช้อัลกอริทึมวิเคราะห์ตลาดและตัดสินใจเทรด ไม่มีปัจจัยจากมนุษย์มายุ่งเกี่ยว
• กระจายความเสี่ยง: บอท CTA ของ Bitget พัฒนากลยุทธ์การลงทุนหลายอย่างสำหรับตลาด รอบ และประเภทสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อตอบสนองต่อสภาวะตลาดที่แตกต่างกัน
• ควบคุมความเสี่ยง: การลงทุนแบบ CTA Quantitative นำปัจจัยด้านความเสี่ยงมาพิจารณาในกระบวนการตัดสินใจและลดความเสี่ยงในการเทรดที่อาจเกิดขึ้นด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การตั้งจุด Stop Loss
• ดำเนินการอัตโนมัติ: การลงทุนแบบ CTA Quantitative ใช้อัลกอริทึมในการช่วยให้เทรดได้แบบอัตโนมัติ รวมถึงเพื่อให้มีประสิทธิภาพและความแม่นยำในการเทรดมากขึ้น
• มีความโปร่งใส: การลงทุนแบบ CTA Quantitative อาศัยอัลกอริทึมในการเทรด ทำให้ข้อมูลการตัดสินใจเทรดและประวัติการเทรดทั้งหมดมีความโปร่งใส นักลงทุนจึงตรวจสอบและประเมินประสิทธิภาพการลงทุนของตนได้ง่าย
ต้นทุนธุรกรรมเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของกลยุทธ์การเทรดเช่นกัน และเนื่องจากกลยุทธ์ CTA มีการเทรดบ่อยครั้ง จึงอาจมีต้นทุนธุรกรรมที่สูง นอกจากนี้ กลยุทธ์ CTA ยังอ่อนไหวต่อความผันผวนและ สภาพคล่องด้วย
• ความผันผวน: ความผันผวนมีบทบาทสำคัญต่อผลการดำเนินงานของกลยุทธ์ CTA กลยุทธ์ CTA ส่วนใหญ่ใช้วิธีการไปตามเทรนด์ (Trend-Following) ซึ่งจะลงทุนเมื่อเทรนด์ตลาดดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้น ตลาดต้องคงความผันผวนในระดับสูง กลยุทธ์นี้จึงจะประสบความสำเร็จ ตลาดที่มีความผันผวนสูงมักสังเกตได้จากการเคลื่อนไหวของตลาดที่ต่อเนื่องและมีการเทรดอย่างคึกคัก ในทางกลับกัน ตลาดที่มีความผันผวนต่ำจะเงียบเหงากว่า โดยมีการทำธุรกรรมกันค่อนข้างน้อย
• สภาพคล่อง: กลยุทธ์การเทรดต่างๆ นั้นขึ้นอยู่กับสภาพคล่องในระดับที่แตกต่างกัน โดยทั่วไป กลยุทธ์ระยะสั้นจะได้รับผลกระทบจากสภาพคล่องมากที่สุด รองลงมาคือกลยุทธ์ระยะกลาง ในขณะที่กลยุทธ์ระยะยาวมีความต้องการสภาพคล่องที่ค่อนข้างต่ำเนื่องจากมีรอบการลงทุนที่ยาวนานกว่า สภาพคล่องส่งผลโดยตรงต่อราคาธุรกรรมและต้นทุนของกลยุทธ์ หากมีสภาพคล่องต่ำในกลยุทธ์ระยะสั้น ก็อาจส่งผลให้ Slippage สูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้อัตรากำไรลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ในช่วงเวลาที่เทรนด์ตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ไม่ว่ากลยุทธ์ใดก็มีโอกาสที่จะล้มเหลวได้ กลยุทธ์ CTA ก็หนีไม่พ้นเช่นกัน อีกทั้งในบางสถานการณ์ยังอาจทำให้ขาดทุนมหาศาลได้ เช่น กลยุทธ์ MACD ที่เหมาะกับการติดตามเทรนด์นั้นก็อาจให้ผลตอบแทนได้น้อยกว่าในตลาดที่แกว่งตัวในกรอบ ในทางกลับกัน กลยุทธ์ BOLL ก็จะล้มเหลวได้เช่นกันในตลาดที่วิ่งทางเดียว โดยสรุปแล้ว บอทเทรดใดๆ ก็มีข้อดีข้อเสียของตนเอง คุณจึงต้องเข้าใจกลยุทธ์และอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยตัวเองให้ถ่องแท้เพื่อให้สามารถประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องได้ด้วยตนเองก่อนเริ่มทำการเทรด
ข้อสงวนสิทธิ์
การเทรดด้วยบอท CTA เป็นเครื่องมือการทำธุรกรรมประเภทหนึ่ง ข้อมูลข้างต้นไม่ถือว่าเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุนจาก Bitget ผลตอบแทนจากการเทรดด้วยบอท CTA อาจได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาคริปโทเคอร์เรนซี ทั้งนี้ คุณสามารถปรับบอท CTA ของคุณตามสภาวะตลาดได้ การที่คุณใช้งานเครื่องมือนี้จะอยู่ภายใต้การที่คุณยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขทั้งหมดของ Bitget โดยไม่มีเงื่อนไข คุณควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีและดำเนินการด้วยความระมัดระวัง คุณตกลงว่าการลงทุนทั้งหมดบน Bitget.com สะท้อนถึงความตั้งใจในการลงทุนที่แท้จริงของคุณ และคุณยอมรับความเสี่ยงและผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดสินใจลงทุนของคุณโดยไม่มีเงื่อนไข
- Blockchain 101 - Layer1, Layer2 and Layer32024-12-20 | 5m